สูตรจัดสรรเงินลงทุนเปิดร้านอาหาร มีเงินทุน 300,000 ลงทุนอย่างไรให้ขายดี
ธุรกิจร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม คือหนึ่งในธุรกิจที่ติดอันดับเติบโตตลอดทุกปี มูลค่าตลาดขยับเข้าสู่หลัก 4 แสนล้านบาท เป็นธุรกิจในฝันของใครหลายคน ยิ่งสถานการณ์เศรษฐกิจที่ใครบอกว่าแย่หากลองสังเกตดูดี ๆ จะพบว่า ผู้ประกอบการขายอาหารกลับมีเพิ่มมากขึ้น นั่นเป็นเพราะธุรกิจนี้เริ้มต้นง่ายมีทางเลือกการลงทุนหลายระดับตั้งแต่หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน จนถึงหลักล้านขึ้นไป
ถึงแม้ว่าจะเป็นธุรกิจเติบโตดีมีอนาคตสดใส เริ่มต้นไม่ยาก ใครก็ทำได้ แต่การจะบริหารร้านอาหารให้สำเร็จ มีกำไร ร่ำรวย ขยายสาขาได้นั้น กลับเป็นเรื่องที่ยากมาก มีจำนวนไม่น้อยแค่เริ่มต้นก็เห็นจุดจบไม่สวยเพราะบริหารเงินลงทุนผิดพลาดตั้งแต่แรก ทำให้ไม่สามารถยืดระยะอยู่ได้ คำถามคือ หากใครที่กำลังสนใจเข้าสู่ธุรกิจนี้ เขาจะต้องจัดสรรงบประมาณลงทุนอย่างไรเพื่อให้เปิดร้านได้และมีสายปานพอให้ยืนระยะผ่านช่วงเริ่มต้นไปได้ เรามีตัวอย่างมาแนะนำ
อันดับแรกของการคิดจะทำร้านอาหารสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องหาให้เจอก่อนก็คือ จะขายอะไร ให้ใคร และเขาเหล่านั้นอยู่ที่ใด ซึ่งการก่อเกิดของร้านอาหารมักมาจาก 2 แนวคิด ดังนี้
1.มีสูตรอาหารที่ดี ซึ่งหากใครมีข้อนี้ก็ถือว่ามีความได้เปรียบระดับหนึ่ง สิ่งต้องทำต่อมาคือ ค้นหาต่อว่าแล้วสูตรอาหารของเราเหมาะกับใคร ทำเลแบบไหน หากทำขายราคาสามารถทำได้อยู่ที่กี่บาทจากนั้นจึงจะเป็นการไปหาสถานที่ หากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะกับสูตรอาหารของเรา
2.มีทำเลที่ดี หากไม่มีสูตรอาหารที่ดีแต่มีทำเลอยู่แล้ว ให้วิเคราะห์ว่าทำเลที่มีอยู่นั้นสามารถทำธุรกิจร้านอาหารได้หรือไม่ หากทำได้แล้ว กลุ่มลูกค้าในย่านนั้นคาดว่าจะเป็นใครบ้าง มีพฤติกรรมการทานแบบไหน ร้านอาหารในย่านดังกล่าวมีร้านอะไรบ้าง ให้วิเคราะห์ทำเล ศึกษาพฤติกรรมผู้คนในทำเลนั้น เรียนรู้ความต้องการของผู้คนในทำเลนั้นจากร้านเจ้าถิ่น และหาโอกาสทางธุรกิจว่าเราควรขายอะไรดี ยิ่งถ้าสามารถหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการและยังไม่มีในพื้นที่ได้โอกาสของธุรกิจก็จะสดใสมากขึ้น ถ้าอยากเรียนรู้ในเรื่องของการเลือกทำเลทำเงิน เรียกลูกค้าได้ตรงจุด เรียนรู้ได้ในคอร์สเรียนออนไลน์ฟรี! เพื่อเพิ่มกำไรร้านอาหารคุณ
สูตรจัดสรรงบลงทุนให้เหมาะสมต่อการเปิดร้านอาหาร
และเมื่อมาถึงจุดตัดสินใจได้แล้วว่า จะเปิดร้านอะไร ในทำเลไหน พร้อมกับงบประมาณเท่าไหร่ ขั้นตอนสำคัญต่อมาก็คือการจัดสรรงบลงทุนให้เหมาะสม ไม่ให้งบกระจุกตัวอยู่ที่ส่วนงานใดเป็นหลัก เพื่อให้ท้ายที่สุดร้านสามารถเปิดดำเนินกิจการได้ มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอระยะเวลากำหนด ซึ่งจะขอยกตัวอย่าให้เห็นภาพด้วยงบประมาณลงทุนอยู่ที่ 300,000 บาท จะแบ่งสัดสวนการลงทุนเงินก้อนนี้อย่างไร มาดูแนวทางเบื้องต้นกัน โดยให้ทำการแบ่งเงินลงทุนออกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้
ส่วนที่ 1 เงินลงทุน 50 – 60% ลงทุนตกแต่งและวางระบบ
ไว้ใช้สำหรับการลงทุนในการทำร้านอาหารจนสามารถเปิดได้ ซึ่งประกอบไปด้วย
-ค่าวางมัดจำพื้นที่เช่า
-ค่าเช่าล่วงหน้า
-ค่าออกแบบ
-ค่าก่อสร้าง/ตกแต่งร้าน
-ค่าอุปกรณ์เครื่องครัว ค่าภาชนะ ค่าของตกแต่งร้าน
-ค่าระบบ POS ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทำร้าน เป็นต้น
ส่วนที่ 2 เงินลงทุน 20 – 30% สำรองเป็นเงินหมุนเวียน
ไว้ใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในร้านในระยะเวลาประมาณ 6 เดือน หากเปิดร้านมาแล้วเดือนแรกได้กำไรเลยถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ส่วนใหญ่จะไม่เป็นเช่นนั้น หากได้สำรองเงินทุนหมุนเวียนไว้ปัญหาจะเกิดทันที มีร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่ต้องปิดตัวลงเพราะเหตุผลข้อนี้ ทั้งที่ร้านเหล่านั้นอาจเพียงแค่ต้องรอเวลาอีกสักหน่อยเพื่อให้ลูกค้ารู้จัก
ส่วนที่ 3 เงินลงทุน 10 – 20% งบการตลาด
ยุคปัจจุบัน หากอยากให้ร้านเป็นที่รู้จักโดยเร็วจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีการใช้เงินสำหรับการทำการตลาดไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์ ปัญหาของร้านอาหาร SME คือ ไม่ได้กันงบประมาณส่วนนี้ไว้ ถึงเวลาก็ควักงบส่วนตัว หรือเอางบจากผลประกอบการมาใช้ทำการตลาด ซึ่งมีโอกาสส่งผลต่อต้นทุนตามมา และจะขาดการทำตลาดที่ต่อเนื่อง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตั้งงบการตลาดขึ้นมา และวางแผนใช้งบส่วนนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การตลาดเกิดพลังได้ผลตามมา และถ้าอยากเรียนรู้ เรื่องโปรโมทร้านอาหารในออนไลน์ สามารเรียนได้ที่คอร์สเรียนออนไลน์ฟรี!
จากตัวอย่างนี้ สัดส่วนเงินลงทุนมากสุดคือส่วนที่ 1 ซึ่งเมื่อเรารู้แล้วว่าเงินลงทุนที่ใช้ได้ในการสร้างร้าน และวางระบบต่าง ๆ มีอยู่ 150,000 – 180,000 บาท จะช่วยให้เราวางแผนและบริหารร้านได้ว่า ทำเลจะเป็นที่ไหน จะต้องต่อรองอย่างไร จะทำร้านแบบไหน ใช้วัสดุอะไร รูปแบบ คอนเซ็ปต์ การตกแต่งเป็นอย่างไร การวางแผนจะชัดเจนขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ยังสามารถหาความรู้เพิ่มเติมจากคอร์สเรียนออนไลน์ เรื่องการจัดการงบกำไรขาดทุนอย่างง่าย เพื่อทำให้มองเห็นภาพรวมการบริหารรายได้และค่าใช้จ่ายของร้านอาหารได้มากขึ้นอีกด้วย